HK Vogue : The Asian Inspiration

HK Vogue : The Asian Inspiration Contact : Willy Tel. 093 649 2288 email : hkvoguethailand@gmail.com
Bookmark and Share

วันอาทิตย์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ประโยชน์ทางโภชนาการของลูกพลับ Nutritional benefits of persimmon by LASIK Center Laser Vision

ขอบคุณภาพประกอบจาก dooqo.com

Miracle Youcando Healthy Tips ขอบคุณภาพประกอบจาก google
ที่มา : LASIK @ Laser Vision International LASIK Center > eye care tips > LASIK HELTH CORNER โทรปรึกษา หรือจองคิวตรวจ โทร 02-511-2111, 02-939-6006 E-mail : info@laservisionthai.com

ลูกพลับ (Persimmon)

ประโยชน์ทางโภชนาการของลูกพลับ 
Nutritional benefits of persimmon .

- ลูกพลับ มีคุณสมบัติพิเศษคือมีฤทธิ์เย็น
- ลูกพลับ อุดมด้วยวิตามินเอและวิตามินซี กินได้ทั้งแบบสดและตากแห้ง ประโยชน์ช่วยบำรุงและรักษาสายตา ป้องกันต้อกระจก ตาฟาง
- ลูกพลับ  เป็นผลไม้ที่มีแคลอรีและไขมันต่ำ และยังอุดมไปด้วยเส้นใยอาหาร จึงเหมาะอย่างมากสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักหรือควบคุมน้ำหนัก
- ลูกพลับ มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด ซึ่งช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยและช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรคต่างๆ ฯลฯ
Read more Vitamim A : http://buff.ly/1hjBjXP
คุยกับทีมแพทย์เลสิก : http://buff.ly/1aolGJL
More info : http://buff.ly/1hjAJtb
ขอบคุณภาพประกอบจาก dooqo.com

พลับ (Persimmon) หรือ ลูกพลับ เป็นผลไม้สีเหลืองถึงแดง เป็นพืชในสกุล Diospyros ซึ่งมีอยู่หลายสปีชีส์ด้วยกัน สปีชีส์ที่นิยมปลูกในประเทศไทยมากที่สุดคือ D.kaki ญี่ปุ่นเรียกว่า คาขิ หรือ กากิ ถิ่นกำเนิดอยู่ในภาคเหนือของจีน มีการรับประทานพลับตั้งแต่สมัยราชวงศ์ฮั่นและถือเป็นผลไม้ที่มีคุณค่า ต่อมาได้กระจายพันธุ์เข้าไปในญี่ปุ่น และกลายเป็นผลไม้ยอดนิยม พลับพันธุ์ที่นิยมปลูกในยุโรปเป็นสปีชีส์ D. virginia ซึ่งนำพันธุ์มาจากสหรัฐอเมริกา

สำหรับชาวจีนแล้วผลไม้อย่างลูกพลับเป็นที่นิมยมในการรับประทานอย่างมาก และถือว่าลูกพลับเป็นผลไม้มงคลที่แสดงถึงความมั่งมีศรีสุข เนื่องจากเปลือกของลูกพลับเมื่อสุกแล้วจะมีสีเหลืองทองราวกับทองคำ จึงเปรียบได้ดั่งผลไม้จากสรวงสวรรค์นั่นเอง และลูกพลับยังเป็นที่นิยมนำมาเป็นของขวัญตามเทศกาลต่างๆอีกด้วย นอกจากนี้การรับประทานลูกพลับวันละ 1 ผลจะมีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างมาก

Nutrition Information On Japanese Persimmon.

Basic Nutrient Values

According to the California Department of Public Health, one medium-sized Japanese persimmon provides 118 calories, 0 g of fat, 1 g of protein, 31 g of carbohydrates, 6 g of dietary fiber and 2 mg of sodium. This fruit is rich in vitamins A and C. One fruit provides 2,733 International Units, or 55 percent, of the recommended daily value (DV) for vitamin A and 12.8 mg, or 21 percent, of the DV for vitamin C. Japanese persimmons are also high in manganese, a trace mineral, meeting 30 percent of the DV in one whole fruit.

Vitamins A and C

Vitamin A is important for healthy eyesight and support of the immune system. It also promotes normal reproductive function and is needed for manufacturing cells that line the digestive tract. Vitamin C also supports immune system function, according to the Colorado State University Extension. Both vitamins A and C are antioxidants. Antioxidants protect and repair the body's cells from damage caused by free radicals, which are by-products created when our cells use oxygen. Vitamin C helps with the production of collagen, which acts like "cement" to hold together ligaments and tendons. Finally, Vitamin C is essential for healthy gums, aids in wound healing and enhances iron absorption."
Thanks English Info From : livestrong : Michele Turcotte, MS, RD 
http://buff.ly/1aopydF

ในแต่ละวันควรบริโภคอาหารให้ครบ 5 หมู่ และทานอาหารให้หลากหลาย ไม่รับประทานอาหารซ้ำๆกันทุกวัน เพื่อประโยชน์ต่อร่างกายและมีสุขภาพที่ดี

ความรู้เพิ่มเติม :-

ลักษณะทางพฤษศาสตร์

"พลับ" จัดเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง ผลัดใบ กิ่งก้านมีขน สีน้ำตาล ใบ มีลักษณะเป็นรูปไข่กลม แผ่นใบด้านบนจะมัน ส่วนด้านล่างจะมีขน ดอก มีดอกตัวผู้และดอกตัวเมียอยู่คนละดอก ดอกมีสีนวล ผล มีขนาดใหญ่ กลมแป้น เมื่อสุกผิวผล จะมีสีเหลืองอมส้ม มีความนิ่ม ภายในมีเนื้อนุ่มๆ และมีเมล็ดแบน สีน้ำตาลฝังอยู่มากกว่าหนึ่งเมล็ด

"พลับ" มีแหล่งกำเนิดในประเทศจีน แต่กลับมีการเพาะปลูกกันอย่างแพร่หลายในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเรียกว่าพลับ kaki ก่อนปี ค.ศ. 1900 kaki เป็นผลไม้ที่สำคัญที่สุดของญี่ปุ่น และในปัจจุบันพบว่า มีการปลูกเพื่อการค้าพอประมาณในประเทศสหรัฐอเมริกา (ส่วนใหญ่ใน California) อิตาลี บราซิล อิสราเอล นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย และส่วนอื่น ๆ ของโลก

สำหรับประเทศไทยไม่ปรากฎหลักฐานชัดเจนว่ามีการปลูกพลับมาต้องแต่เมื่อใด สันนิษฐานว่าอาจจะมีการนำเมล็ดพลับมาจากประเทศพม่าเข้ามาปลูกเมื่อประมาณ 60 ปี เป็นพลับที่มีรสฝาดให้ผลดีพอควรแต่ผลมีขนาดเล็ก

ในปีพุทธศักราช 2512 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ได้นำพันธุ์พลับมาจากต่างประเทศ (ร่วมทำงานวิจัยกับมูลนิธิโครงการหลวง) โดยปลูกทดสอบที่สถานีวิจัยดอยปุย จังหวัดเชียงใหม่ ทำให้ทราบว่าพลับบางพันธุ์สามารถเจริญเติบโต และให้ผลผลิตได้ดีในบริเวณที่สูงทางภาคเหนือ หรือแม้แต่บริเวณที่สูงทางภาคตะวันตกในเขตอำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี (สูงจากระดับน้ำทะเล 700 เมตร) ก็สามารถปลูกพลับบางพันธุ์ได้ผลดีเช่นกัน

ลักษณะและความแตกต่างของพลับมีความแตกต่างกันมากทั้งในส่วนของขนาดรูปทรง และสี แต่สามารถจำแนกประเภทออกได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่ คือ

- กลุ่มที่มีรสหวาน (Non-astringent)
- กลุ่มที่มีรสฝาด (Astringent)

พลับที่ปลูกในประเทศไทยขณะนี้มีทั้งชนิดเป็น pollination และ pollinatoin variant มีทั้งที่เป็นพันธุ์ฝาด และไม่ฝาด โดยมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และมูลนิธิโครงการหลวงได้นำพันธุ์เหล่านี้เข้ามาจากหลายประเทศ ซึ่งมีพันธุ์ที่สำคัญได้แก่

   1. พันธุ์ Fuyu เป็นพลับหวาน มีผลขนาดใหญ่
   2. พันธุ์ P1 เป็นพลับฝาด มีผลขนาดใหญ่
   3. พันธุ์ซือโจ หรือซิชู (Xichu) P2 เป็นพลับฝาด และเป็นพันธุ์ที่ปลูกเป็นการค้ามากที่สุดใน
ประเทศไทย โดยเฉพาะพื้นที่ในเขตส่งเสริมของมูลนิธิโครงการหลวง
   4. พันธุ อั้งไส (Ang-sai) หรือ P3 เป็นพลับฝาดผลค่อนข้างเล็ก
   5. พันธุ์นูซิน (Niu scin) หรือ P4 เป็นพลับฝาดมีผลขนาดใหญ่
   6. พันธุ์ Hyakume เป็นพลับไม่ฝาดมีผลค่อนข้างใหญ๋
   7. พันธุ์ฮาชิยา (Hachiya) เป็นพลับมีรสหวาน
   8. พันธุ์ไนติงเกล (Nightingale) เป็นพลับฝาด เมื่อสุกเต็มที่จะมีรสหวาน
   9. พันธุ์ฮิราทาเนนาชิ (Hiratanenashi) เป็นพลับฝาดมีขนาดปานกลางถึงใหญ่
   10. พันธุ์จิโร (Jiro) เป็นพลับหวาน

การใช้ประโยชน์ในทางเป็นอาหาร

ผลสุก ใช้รับประทานเป็นผลไม้ นำมาเชื่อม ทำลูกพลับแห้ง ทำน้ำผลไม้

คุณค่าทางโภชนาการ

เนื้อผลพลับ ประกอบด้วยน้ำตาล วิตามินเอสูง มีวิตามินซี ธาตุฟอสฟอรัสและแคลเซียม คาร์โบไฮเดรต กรดต่างๆ สารที่มีสี และ อื่น ๆ

ผลแห้ง มีวิตามินเอสูงกว่าผลสด ถึง 3 เท่า ส่วนธาตุฟอสฟอรัส แคลเซียม เหล็ก ประโยชน์ในทางเป็นยา

ผลสุก มีสรรพคุณใช้เป็นยาธาตุ แก้ท้องเดิน ก้านผล กลีบเลี้ยง ใช้แก้อาการสะอึก และแก้ไอ น้ำจากผลดิบ ใช้รักษาโรคความดันโลหิตสูง

มีคำแนะนำว่า ไม่ควรรับประทานลูกพลับในขณะที่ท้องว่าง เพราะกระเพาะอาหารจะหลั่งกรดเกลือออกมามาก หากไปรวมตัวกับยาง และสารแขวนลอยในลูกพลับแล้ว จะทำให้เจ็บหน้าอก คลื่นไส้ และเป็นแผลในกระเพาะอาหาร

ขอบคุณข้อมูลจาก : ลักษณะทางพฤษศาสตร์ : บทความวิทยุรายการสาระความรู้ทางการเกษตร ดวงจันทร์ เกรียงสุวรรณ นักวิชาการเกษตร 6คณะทรัพยากรธรรมชาติ ผู้เขียน ผู้ดำเนินรายการ
http://buff.ly/16BZuPd

ข้อมูลทางวิชาการ

ลูกพลับ สามารถจำแนกตามรสชาติได้ออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ คือ

- ลูกพลับหวาน (Non-astringent) เช่น พันธุ์ฟูยุ (รสหวาน ผลสุกสีส้มอมเหลือง สามารถรับประทานสดๆได้)
- ลูกพลับฝาด (Astringent) เช่น พันธุ์ซิชู พันธุ์ฮาชิยา (รสฝาด เนื้อนิ่ม ผลสุกเนื้อสีส้มอมแดง ต้องนำมาผ่านกระบวนการลดความฝาดก่อนถึงจะรับประทานได้)

ซึ่งพลับทั้ง 2 พวกดังกล่าวยังแบ่งย่อยออกได้อีกเป็น 2 ชนิดคือ

- ชนิดสีเนื้อคงที่ (Pollination constant) และ
- ชนิดสีเนื้อเปลี่ยนแปลง (Pollination variant) เมื่อได้รับการผสมเกสร

ซึ่งพลับชนิดนี้ถ้าไม่มีการผสมเกสร สีของเนื้อจะเป็นสีเหลืองอ่อนและมีรสฝาด แต่ถ้ามีการผสมเกสรหรือมีเมล็ดเกิดขึ้นสีของเนื้อจะเปลี่ยนจากสีเหลืองอ่อนไปเป็นสีน้ำตาลแดงและไม่มีรสฝาด

- พลับไม่ฝาดชนิดที่สีของเนื้อเปลี่ยนแปลงไปตามการผสมเกสร(pollination variant, non astringent) หรือการมีเมล็ดนั้น ปริมาณสารละลายแทนนินจะไม่ปรากฏ ถ้าหากว่ามีเมล็ดอย่างเพียงพอ
โดยปกติแล้วจะมีเมล็ด 4-5 เมล็ด แต่ถ้าการเกิดของเมล็ดมีน้อย 1 หรือ 2 เมล็ด บริเวณบางส่วนของผลที่ไม่มีเมล็ดเนื้อจะยังคงฝาดอยู่

- ส่วนพลับพวกที่ไม่ฝาดและสีเนื้อคงที่ สามารถจะรับประทานได้เลยในขณะที่ผลยังแข็งอยู่

ขอบคุณข้อมูลจาก : ข้อมูลทางวิชาการ โดย สถานีวิจัยดอยปุย
http://buff.ly/HoTGfM


คำแนะนำ

Disclaimer : บทความที่เกี่ยวเนื่องกับเนื้อหาสุขภาพทั้งหมด ทางเว็บไซต์ได้รวบรวมไว้เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจทางด้านสุขภาพแก่ผู้เข้าชมเท่านั้น จึงไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิงหรือใช้แทนการวินิจฉัยในการรักษาของแพทย์ได้ หากมีการนำข้อมูลในเว็บไซต์ไปใช้โดยไม่ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ทางเว็บไซต์จะไม่รับผิดชอบต่อความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นได้
***ในแต่ละวันควรบริโภคอาหารให้ครบ 5 หมู่ และทานอาหารให้หลากหลาย ไม่รับประทานอาหารซ้ำๆกันทุกวัน เพื่อประโยชน์ต่อร่างกายและมีสุขภาพที่ดี***
ข้อแนะนำ : ควรศึกษาข้อมูลจากหลากหลายที่ และเปรียบเทียบข้อมูลเพื่อความชัดเจน เพราะข้อมูลบางอย่างอาจจะยังไม่มีหลักฐานสนับสนุนอย่างชัดเจน และหากมีข้อสงสัยใดๆควรปรึกษาแพทย์ประจำตัวของท่าน และ/หรือ นักกำหนดอาหาร (dietitian) - นักโภชนาการ (nutritionist)
"Ask Healthy Living" is for informational purposes only and is not a substitute for medical advice. Please consult a qualified health care professional for personalized medical advice.

บทความที่ได้รับความนิยม