HK Vogue : The Asian Inspiration

HK Vogue : The Asian Inspiration Contact : Willy Tel. 093 649 2288 email : hkvoguethailand@gmail.com
Bookmark and Share

วันอังคารที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ประโยชน์ด้านสุขภาพของกระเทียม Health Benefits of Garlic by LASIK Center Laser Vision

ขอบคุณภาพประกอบจาก thecandidadiet.com

Miracle Youcando Healthy Tips ขอบคุณภาพประกอบจาก google ที่มา : LASIK @ Laser Vision International LASIK Center > eye care tips > LASIK HELTH CORNER โทรปรึกษา หรือจองคิวตรวจ โทร 02-511-2111, 02-939-6006 E-mail : info@laservisionthai.com

ประโยชน์ด้านสุขภาพของกระเทียม 
Health Benefits of Garlic.

สารสำคัญที่ทำให้กระเทียมมีกลิ่นหอมฉุนเผ็ดร้อน คือ เอนไซม์อัลลิเนส (Allinase) ที่เปลี่ยนสารอินทรีย์กำมะถันอัลลิอิน (Alliin)ให้เป็นน้ำมันหอมระเหยอัลลิซิน (Allicin) และเมื่อนำหัวกระเทียมสดมากลั่นด้วยไอน้ำจะได้น้ำมันกระเทียม (Garlic oil) นอกจากนี้ยังประกอบด้วยสารอาหาร น้ำ กรดไขมัน โปรตีน คาร์โบไฮเดรต น้ำตาล กรดอะมิโน เหล็ก แคลเซียม วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 และวิตามินซี ฯลฯ

ในกระเทียม 100 กรัม ให้พลังงาน 149 กิโลแคลอรี (kcal) และให้คุณค่าทางอาหารดังนี้
- น้ำ 58.6 กรัม
- ฟอสฟอรัส 153 มิลลิกรัม
- คาร์โบไฮเดรต 33.1 กรัม
- โพแทสเซียม  401 มิลลิกรัม
- โปรตีน 6.4 กรัม
- ซีลีเนียม 14.2 ไมโครกรัม
- ไขมัน 0.5 กรัม
- วิตามินซี 31.2 มิลลิกรัม
- แคลเซียม 181 มิลลิกรัม
- โฟเลท 3.1 ไมโครกรัม
- แมกนีเซียม 25 มิลลิกรัม
- ใยอาหาร 2.1 กรัม

นอกจากนี้ยังมีไฟโตนิวเทรียนท์หลายชนิด ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ไฟโตนิวเทรียนท์ในกลุ่มออร์แกโนซัลเฟอร์ (Organosulfur) ได้แก่ สารอัลลิซิน (Allicin) ที่เป็นองค์ประกอบหลักของไฟโตนิวเทรียนท์ ที่ให้กลิ่นเฉพาะตัวของกระเทียม โดยน้ำหนักกระเทียม 1 กรัม จะพบประมาณ 4.38-4.65 มิลลิกรัม

กระเทียม (Garlic) อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิด เช่น วิตามินเอ วิตามินบี1 วิตามินบี2 วิตามินซี ธาตุซีลีเนียม ธาตุเหล็ก ธาตุสังกะสี (โดยกระเทียมถือว่าเป็นพืชที่มีธาตุซีลีเนียมมากกว่าพืชชนิดอื่นๆ) นอกจากนี้ยังมีสารอะดิโนซีน ซึ่งเป็นกรดนิวคลีอิกที่เป็นตัวสร้าง DNA และ RNA ของเซลล์ในร่างกายอีกด้วย แต่ในส่วนของด้านแร่ธาตุนั้นจะมีมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับดินที่ใช้ในการปลูกด้วย

กระเทียมอุดมไปด้วยสารอาหาร เช่น ซีลีเนียม, Quercetin และวิตามินซีซึ่งทั้งหมดนี้ช่วยรักษาโรคติดเชื้อที่ตาและอาการบวม

มีรายงานจากการทดลองทางวิทยาศาสตร์พบว่ากระเทียมรักษาโรคภายในดังนี้คือ

- ลดความดันโลหิตสูงที่เกิดจากไขมันอุดตันหลอดเลือด เนื่องจากมีสารละลายไขมันในเส้นเลือด รับประทานเป็นประจำ 15 วัน ความดันโลหิตลดลงอย่างเห็นได้ชัด ฉะนั้นผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิตสูงขณะรับประทานกระเทียมเป็นประจำควรจะมีการตรวจความดันโลหิตก่อน
- มีสารเป็นตัวนำของวิตามินบี1 เข้าสู่ทางเดินอาหารได้ดีเพื่อทำให้วิตามินบี1 นำไปใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย โดยรวมเป็นสารอัลลิลไทอะมิน (Allithiamin) ทำให้วิตามินบี1 ออกฤทธิ์ได้ดีขึ้นถึง 20 เท่า และสารอัลลิซัลไฟด์จะช่วยกระตุ้นการดูดซึมของวิตามินบี1 ในลำไส้ดีขึ้นเท่าตัว
- ช่วยกระตุ้นการบีบตัวของผนังกระเพาะลำไส้ ป้องกันโรคท้องผูกและขับลมในกระเพาะลำไส้
- ป้องกันการเป็นวัณโรคหรือนิวโมเนียได้ สำหรับผู้ที่รับประทานกระเทียมสดเป็นประจำ เนื่องจากขณะที่รับประทานกระเทียมสารมีกลิ่นกระเทียมจะระเหยออกมาทางลมหายใจ ทางปอด สารนี้จะไปทำลายเชื้อโรคที่ทางเดินหายใจก่อนที่เชื้อจะเข้าสู่ปอด แก้ไอ ขับเสมหะ
- ป้องกันโรคติดเชื้อในทางเดินอาหาร มีกลไกเช่นเดียวกับป้องกันวัณโรค คือ จากสารที่ได้จากกระเทียมจะเข้าไปยับยั้งหรือฆ่าเชื้อต่าง ๆ ที่ติดเข้าไปกับอาหาร
- ความเข้มข้นของน้ำมันกระเทียมเพียง 0.001% สามารถฆ่าเชื้ออหิวาต์และไทฟอยด์ในหลอดทดลองได้
- เมอร์แคปแตน (mercaptan) เป็นสารกำมะถันอินทรีย์ที่อยู่ในกระเทียม ช่วยทำให้เนื้อและโปรตีนที่ทำลายยาก เช่น โปรตีนจากไข่ขาว นม ละลายและดูดซึมในลำไส้ได้ง่ายขึ้น
- น้ำคั้นจากกระเทียมบดผสมน้ำอุ่น 5 เท่า ผสมเกลือเล็กน้อย อมกลั้วคอฆ่าเชื้อในปากและลำคอได้
- ในอินเดียใช้กระเทียมโขลกสระผมช่วยป้องกันผมหงอก นอกจากนี้กระเทียมยังมีไอโอดีนเช่นเดียวกับสาหร่ายทะเล หอยต่าง ๆ กุ้ง น้ำมันตับปลา สับปะรด
- น้ำคั้นกระเทียมผสมน้ำเชื่อมรับประทานเป็นยาขับปัสสาวะ ขับเสมหะ บรรเทาอาการไข้หวัดเจ็บคอ น้ำมูกไหล และอาการไอ
- กระเทียมบดห่อด้วยผ้าขาวบางวางบริเวณริมฝีปากที่เกิดการอักเสบ 8-10 ชั่วโมง อาการจะบรรเทา
แหล่งข้อมูล : กระเทียม - The-Than.com

ข้อควรระวัง

กระเทียม (Garlic) นั้นสำหรับผู้ที่ต้องทำงานอยู่ในครัวหรือสัมผัสกับกระเทียมบ่อยๆ เป็นระยะเวลานาน ผิวหนังอาจจะเกิดการอักเสบ มีตุ่มน้ำ หรือคนที่ได้รับกลิ่นกระเทียมบ่อยๆก็สามารถเกิดอาการแพ้กระเทียมเมื่อรับ ประทานได้ โดยอาจมีการ คลื่นไส้ หัวใจเต้นแรงผิดปกติ แต่อาการดังกล่าวก็จะค่อยๆหายไปเองภายใน 3-4 ชั่วโมง โดยกระเทียมที่ปรุงในอาหารนั้นมักจะก่อให้เกิดอาการแพ้ได้น้อยกว่ากระเทียมสด

สำหรับผู้ที่มีความดันโลหิตเป็นปกติ ผู้ที่มีระดับน้ำตาลในเลือดปกติ หรือผู้ที่มีอาการเลือกหยุดไหลช้า สตรีมีครรภ์ หรือเลี้ยงลูกด้วยนม หรือผู้ที่ใช้ยาอื่นๆเป็นประจำ เช่น ยาแอสไพริน ยา ปฏิชีวนะ ยาต้านไวรัส ยาแก้อักเสบ ไม่ควรรับประทานกระเทียมหรือผลิตภัณฑ์กระเทียมเสริมในปริมาณมากเกินไป เพราะอาจจะเป็นผลเสียมากกว่าผลดี

***ในแต่ละวันควรบริโภคอาหารให้ครบ 5 หมู่ และทานอาหารให้หลากหลาย ไม่รับประทานอาหารซ้ำๆกันทุกวัน เพื่อประโยชน์ต่อร่างกายและมีสุขภาพที่ดี***
Read more : http://buff.ly/1gZsHad
คุยกับทีมแพทย์เลสิก : http://buff.ly/1auXuDT
More info : http://buff.ly/19ZvJqj
ขอบคุณภาพประกอบจาก thecandidadiet.com

Garlic

For a small vegetable, garlic (Allium sativum) sure has a big, and well deserved, reputation. This member of the Lily family, a cousin to onions, leeks and chives, can transform any meal into a bold, aromatic and healthy culinary experience.

Garlic is arranged in a head, called the "bulb," which is made up of separate cloves. Both the cloves and the entire bulb are encased in paper-like sheathes that can be white, off-white or pinkish.

Garlic cloves are off-white in color, and although they have a firm texture, they can be easily cut or crushed. The taste of garlic is like no other; it hits the palate with a hot pungency that is shadowed by a very subtle background sweetness.

Eye care: Garlic is rich in nutrients like Selenium, Quercetin and Vitamin C that helps treat eye infections and swellings.

More on This Wonderful Herb

The health benefits of garlic were realized centuries ago by mankind. Garlic is very effective when eaten raw-(crushed or chopped). Just one clove per day may bring vast improvement in your over al health. 2 to 3 cloves could prevent an attack of common cold. Garlic used in cooking should be added last for more benefit. But, taking too much garlic is also not very god as it may cause irritation in the digestive system. Garlic should be added as a part of healthy normal diet, it need not be used as an alternative. The only drawback being its pungent smell and taste that leaves a bad breadth, garlic is a medicinal boon for mankind.
Thanks English Info From : Garlic Health Benefits : NaturalFoodBenefits
http://goo.gl/XRnPHo

Know the true value of time; snatch, seize, and enjoy every moment of it. - Lord Chesterfield, 1694-1773

คำแนะนำ

Disclaimer : บทความที่เกี่ยวเนื่องกับเนื้อหาสุขภาพทั้งหมด ทางเว็บไซต์ได้รวบรวมไว้เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจทางด้านสุขภาพแก่ผู้เข้าชมเท่านั้น จึงไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิงหรือใช้แทนการวินิจฉัยในการรักษาของแพทย์ได้ หากมีการนำข้อมูลในเว็บไซต์ไปใช้โดยไม่ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ทางเว็บไซต์จะไม่รับผิดชอบต่อความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นได้
***ในแต่ละวันควรบริโภคอาหารให้ครบ 5 หมู่ และทานอาหารให้หลากหลาย ไม่รับประทานอาหารซ้ำๆกันทุกวัน เพื่อประโยชน์ต่อร่างกายและมีสุขภาพที่ดี***
ข้อแนะนำ : ควรศึกษาข้อมูลจากหลากหลายที่ และเปรียบเทียบข้อมูลเพื่อความชัดเจน เพราะข้อมูลบางอย่างอาจจะยังไม่มีหลักฐานสนับสนุนอย่างชัดเจน และหากมีข้อสงสัยใดๆควรปรึกษาแพทย์ประจำตัวของท่าน และ/หรือ นักกำหนดอาหาร (dietitian) - นักโภชนาการ (nutritionist)
"Ask Healthy Living" is for informational purposes only and is not a substitute for medical advice. Please consult a qualified health care professional for personalized medical advice.

บทความที่ได้รับความนิยม